ใคร ๆ ก็อยากมีหุ่นสวยเป๊ะ! บางคนพยายามด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย หรือผ่านคอร์สลดน้ำหนักมามากมาย ก็ยังไม่ได้ผลรับที่น่าพอใจ ปัจจุบัน การดูดไขมันเป็นวิธีหนี่งที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ ไม่ว่าจะดูไขมันหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ถือว่าเป็นวิธีมาตรฐานที่มีความปลอดภัย เห็นผลชัดเจน วันนี้ I Cheer รวบรวมข้อสงสัยที่สาวๆ ต้องการคำตอบมากที่สุดมาฝากกันค่ะ
ดูดไขมันทั้งตัว VS ดูดไขมันเฉพาะจุด
ดูดไขมันทั้งตัว
ประเภทการวางยา: ยาสลบ
ระยะเวลาผ่าตัด: 2-3 ชั่วโมง
ระยะพักฟื้น: 1-2 สัปดาห์
ดูดไขมันเฉพาะจุด (ต้นขา / หน้าท้อง / ต้นแขน เป็นต้น)
ประเภทการวางยา: ยานอนหลับ
ระยะเวลาผ่าตัด: 1-2 ชั่วโมง
ระยะพักฟื้น: ประมาณ 1 สัปดาห์
ทำไมต้องดูดไขมันเฉพาะจุด ?
ถ้าคุณเพียงแค่ไม่ชอบใจส่วนที่หนังปลิ้นออกมาเวลาในเสื้อแขนกุด หรือ ต้นแขนไม่กระชับแม้จะออกกำลังกายแล้ว การดูดไขมันเฉพาะจุดจะช่วยจัดการลดไขมันในส่วนที่คุณไม่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
ระยะพักฟื้นหลังทำศัลยกรรมดูดไขมัน
กรณีที่ทำการดูดไขมันออกเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าผู้ที่ดูดไขมันออกน้อย ซึ่งโดยปกติแล้วหลังทำ 1-2 สัปดาห์ก็สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
มีวิธีการดูแลหลังดูดไขมันอย่างไร?
ช่วง 2 สัปดาห์หลังทำ ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และห้ามสูบบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเข้าอบซาวน่าเป็นเวลา 1 เดือน
หากดูดไขมันแล้วจะสามารถออกกำลังกายได้ตอนไหน?
ตั้งแต่วันที่ 3-4 หลังดูดไขมัน สามารถเคลื่อนไหวร่างกายเบาๆ เช่น เดินเล่น ได้ สำหรับการออกกำลังกายอย่างหนัก สามารถทำได้หลังดูดไขมัน 1 เดือน
อาการบวม และ รอยช้ำ จะหายเป็นปกติเมื่อไหร่?
ความแตกต่างของระยะเวลาว่าจะเร็วหรือนานนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีดูดไขมัน และ สภาพร่างกายของแต่ละบุคคล โดยปกติแล้วจะต้องใช้เวลา 3-6 เดือนให้อาการบวมค่อยๆยุบลง
กรณีดูดไขมันทุกส่วน แต่สามารถแบ่งทำ 2-3 ครั้งได้หรือไม่?
ในการดูดไขมันทุกส่วน หรือ ทั้งตัว หากแบ่งทำทีละจุด 2-3 ครั้ง กว่าจุดแรกๆจะยุบบวมก็ต้องดูดไขมันจุดอื่นซ้ำอีกครั้ง ดังนั้นอาจเกิดอันตราย หรือ ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจได้
ข้อแนะนำ : ดูดไขมัน 1 จุดในครั้งเดียวไปเลยจะดีกว่าการทำหลายๆครั้ง